May 29, 2005
Why CIOs balk at open source apps
By Jan Stafford
โปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์สที่สำคัญ ๆ สำหรับธุรกิจ – เช่นประเภทใช้ครอบคลุมระบบงานในบริษัทและระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning = ERP) – ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้มีอำนาจตัดสินใจนำมาใช้งานในบริษัทต่าง ๆ ในปี 2005
การสำรวจความคิดเห็นแบบไม่เป็นทางการของ SearchEnterpriseLinux.com กับผู้บริหารระดับสูง พบว่า มีการใช้งาน Linux, ใช้ MySQL เป็นตัวเสริมสำหรับงานจัดการฐานข้อมูล (DBMS), และใช้งาน Apache แต่สำหรับ ‘งานที่สำคัญระดับวิกฤติ’ แล้ว ถ้าเป็นโปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์สยังต้องมองหาต่อไปในอนาคต
เหตุผลของนักบริหารที่ยังคงไม่ใช้โปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์ส คือความกลัวโดยสามัญสำนึก ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีกล่าว
บ างบริษัทไม่ยอมรับโอเพ่นซอร์สเพราะพวกเขาไม่มีผู้เชี่ยวชาญหรือกำลังคนภายใน บริษัท เคเนต เจ เวบเบอร์ เจ้าของบริษัทเวบเบอร์ อิเลคทรอนิค บอก
แม้ราคาต่อประสิทธิภาพ และเสรีภาพในการใข้งาน ซึ่งโปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์สมีให้ จะดึงดูดใจเพียงไร แต่การนำมันมาใช้งานและทำงานร่วมกับระบบงานเดิมที่มีอยู่ ยังคงเป็นเรื่องที่ “ปวดหัวอย่างมาก” เวบเบอร์กล่าว “ผมปรารถนาอย่างมากให้ซอฟท์แวร์แบบโอเพ่นซอร์สใช้งานง่ายและปลั๊กแอนด์เพลย์ เหมือนวินโดว์ แต่วันนั้นก็ยังมาไม่ถึงซะที”
เลิกใช้งานของเดิมเป็นเรื่องยาก
ขณะที่โปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์สมีต้นทุนที่ต่ำกว่าโปรแกรมลิขสิทธิ์แบบอื่น แต่ขั้นตอนที่ตามมาภายหลังอาจมีค่าใช้จ่ายสูง เคน แฮนสัน นักวิเคราะห์ที่ทำงานให้กับแอคคิวลอจิก บริษัทยาในบริสเบน เพนซิลวาเนีย กล่าว
“การเข้ามาแทนที่โปรแกรมเดิมที่ใช้งานอยู่เป็นงานที่มีต้นทุนสูง แม้ว่าซอฟท์แวร์ที่คุณจะนำมาใช้นั้นจะฟรี” แฮนสันอธิบาย
ผู้ให้คำปรึกษาด้านไอทีอิสระ และแอดมินของมหาวิทยาลัย ไบรอัน มาซายนิค กล่าวเพิ่มว่า การทำให้โปรแกรมแบบลิขสิทธิ์ที่มีอยู่เดิมใข้งานร่วมกับลินุกซ์และซอฟท์แวร์ โอเพ่นซอร์สเป็นเรื่องยาก ตัวอย่างเช่น เวบเพจบางหน้าสามารถดูผ่าน IE เท่านั้นเนื่องจากต้องใช้ ActiveX
โปรแกรมที่มีให้ใช้ยังไม่เพียงพอ
ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที เผยถึงข้อบกพร่องต่อความพร้อมใช้งาน ในกลุ่มโปรแกรมโอเพ่นซอร์สระดับเอนเทอร์ไพรส์
“แน่นอนว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ไอทีคนไหนจะเชื่อว่าโซลูชั่นด้านอีเมล์ของโอเพ่นซอร์สจะแย่ กว่าของไมโครซอฟท์” เคน เมอร์รา ผู้ให้คำปรึกษาและผู้จัดการไอทีสำหรับบริษัทด้านงานพิมพ์ใกล้เมืองดัลลัส กล่าว
แฮนสันบอกว่าอุปสรรคหลัก ๆ ที่ขัดขวางการนำโอเพ่นซอร์สมาใช้คือ ไม่มีซอฟท์แวร์ระดับเอนเทอร์ไพรส์มากเพียงพอ -ภาคธุรกิจต้องการซอฟท์แวร์ที่มากกว่าโปรแกรมแบบธรรมดาที่มีอยู่อย่าง เวบเซิฟเวอร์, ดาต้าเบส, ระบบปฏิบัติการ ฯลฯ – มันยากที่จะหาซอฟท์แวร์โอเพ่นซอร์สที่เหมาะสมมาใช้งาน
“พวกเราต้องกา รโปรแกรมที่สามารถเลียนแบบทุก ๆ โปรแกรมที่เป็นที่นิยมของวินโดว์ และต้องการฮาร์ดแวร์ที่สนับสนุนการใช้งานในระบบหลัก ๆ รวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วง” มาซายนิคกล่าวเพิ่ม
การขาดแคลนทางเลือกนี้ รับรู้กันทั้งตลาดในแนวดิ่ง ตั้งแต่นายหน้า, กลุ่มบริษัทประกันภัย, ไปจนถึงบริษัทด้านสุขภาพบางแห่ง ทั้งหมดนี้ พวกเขาบอกว่าเขาผูกติดกับวินโดว์และระบบลิขสิทธิ์แบบ proprietary จนกว่าจะมีโปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์สที่เชื่อถือได้และใช้งานร่วมกับระบบอื่นได้ ออกมา
ความกลัวและ FUD (Fear, Uncertainty, and Doubt)
ขณะที่เกิดสามัญสำนึกเรื่อง ทำไมจึงไม่ควรใช้โอเพ่นซอร์สกับงานสำคัญ ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีส่วนใหญ่เชื่อว่าความกลัวนี้เป็นเหตุผลหลักที่ผู้บริหา รด้านไอทีตามบริษัทต่าง ๆ ไม่ใช้โอเพ่นซอร์ส ทุกวันนี้ ไม่มีใครโดนไล่ออกเพราะเลือกใช้ไมโครซอฟท์
ถ้าไอบีเอ็ม, ฮิวเลตแพคการ์ด, และออราเคิล เริ่มต้นย้ายโปรแกรมที่ใช้งานอยู่ไปใช้โอเพ่นซอร์ส เมื่อนั้นพวกผู้บริหารไอทีก็จะเริ่มสังเกตุเห็น ตราบใดที่ยังไม่เป็นแบบนั้น พวกนั้นก็ยังยึดความปลอดภัยเอาไว้ก่อน
“ผู้บริหารส่วนใหญ่ โดยธรรมชาติแล้วจะอนุรักษ์นิยม และจะเดินในเส้นทางที่มีการต่อต้านน้อยที่สุด” ซิด บอยซ์ ผู้เชี่ยวชาญงานสนับสนุนด้านเทคนิคเซิฟเวอร์ SPARC ในอังกฤษบอก “พวกเขาจะยังคงจ่ายให้อะไรก็ตาม ที่ทำให้เขารู้สึกว่าปลอดภัย, ทำงานได้…และไม่ต้องใข้สมองมาก”
แต่อย่ากล่าวโทษไปที่ผู้บริหารไอทีทั้งหมด เพราะทุก ๆ คน – ตั้งแต่ลูกค้าไปจนถึงซีอีโอ – ต่างต่อต้านการเปลี่ยนแปลง โฮเซ่ วาพินโต้ ผู้ตรวจสอบสถาบันวิศวกรรมระดับชาติในลิสบอน โปรตุเกส บอก
การมีปัญหากับซอฟท์แวร์แบบ proprietary จะบังคับให้พวกนั้นยอมรับโอเพ่นซอร์สได้ทีละน้อย
ผู้บริหารด้านไอทีที่ไม่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงจะก้าวกระโดดในการแข่งขัน วาพินโต้กล่าว ผู้บริหารที่ฉลาดจะเข้าใจว่าโปรแกรมโอเพ่นซอร์สที่ใช้ในธุรกิจจำนวนมาก ช่วยเพิ่มผลผลิตได้ดี และจะกลายเป็นมาตรฐานในวันหนึ่ง
เรียบเรียง จาก Why CIOs balk at open source apps
โปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์สที่สำคัญ ๆ สำหรับธุรกิจ – เช่นประเภทใช้ครอบคลุมระบบงานในบริษัทและระบบบริหารจัดการทรัพยากรองค์กร (Enterprise Resource Planning = ERP) – ไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับผู้มีอำนาจตัดสินใจนำมาใช้งานในบริษัทต่าง ๆ ในปี 2005
การสำรวจความคิดเห็นแบบไม่เป็นทางการของ SearchEnterpriseLinux.com กับผู้บริหารระดับสูง พบว่า มีการใช้งาน Linux, ใช้ MySQL เป็นตัวเสริมสำหรับงานจัดการฐานข้อมูล (DBMS), และใช้งาน Apache แต่สำหรับ ‘งานที่สำคัญระดับวิกฤติ’ แล้ว ถ้าเป็นโปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์สยังต้องมองหาต่อไปในอนาคต
เหตุผลของนักบริหารที่ยังคงไม่ใช้โปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์ส คือความกลัวโดยสามัญสำนึก ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีกล่าว
บ างบริษัทไม่ยอมรับโอเพ่นซอร์สเพราะพวกเขาไม่มีผู้เชี่ยวชาญหรือกำลังคนภายใน บริษัท เคเนต เจ เวบเบอร์ เจ้าของบริษัทเวบเบอร์ อิเลคทรอนิค บอก
แม้ราคาต่อประสิทธิภาพ และเสรีภาพในการใข้งาน ซึ่งโปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์สมีให้ จะดึงดูดใจเพียงไร แต่การนำมันมาใช้งานและทำงานร่วมกับระบบงานเดิมที่มีอยู่ ยังคงเป็นเรื่องที่ “ปวดหัวอย่างมาก” เวบเบอร์กล่าว “ผมปรารถนาอย่างมากให้ซอฟท์แวร์แบบโอเพ่นซอร์สใช้งานง่ายและปลั๊กแอนด์เพลย์ เหมือนวินโดว์ แต่วันนั้นก็ยังมาไม่ถึงซะที”
เลิกใช้งานของเดิมเป็นเรื่องยาก
ขณะที่โปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์สมีต้นทุนที่ต่ำกว่าโปรแกรมลิขสิทธิ์แบบอื่น แต่ขั้นตอนที่ตามมาภายหลังอาจมีค่าใช้จ่ายสูง เคน แฮนสัน นักวิเคราะห์ที่ทำงานให้กับแอคคิวลอจิก บริษัทยาในบริสเบน เพนซิลวาเนีย กล่าว
“การเข้ามาแทนที่โปรแกรมเดิมที่ใช้งานอยู่เป็นงานที่มีต้นทุนสูง แม้ว่าซอฟท์แวร์ที่คุณจะนำมาใช้นั้นจะฟรี” แฮนสันอธิบาย
ผู้ให้คำปรึกษาด้านไอทีอิสระ และแอดมินของมหาวิทยาลัย ไบรอัน มาซายนิค กล่าวเพิ่มว่า การทำให้โปรแกรมแบบลิขสิทธิ์ที่มีอยู่เดิมใข้งานร่วมกับลินุกซ์และซอฟท์แวร์ โอเพ่นซอร์สเป็นเรื่องยาก ตัวอย่างเช่น เวบเพจบางหน้าสามารถดูผ่าน IE เท่านั้นเนื่องจากต้องใช้ ActiveX
โปรแกรมที่มีให้ใช้ยังไม่เพียงพอ
ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที เผยถึงข้อบกพร่องต่อความพร้อมใช้งาน ในกลุ่มโปรแกรมโอเพ่นซอร์สระดับเอนเทอร์ไพรส์
“แน่นอนว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ไอทีคนไหนจะเชื่อว่าโซลูชั่นด้านอีเมล์ของโอเพ่นซอร์สจะแย่ กว่าของไมโครซอฟท์” เคน เมอร์รา ผู้ให้คำปรึกษาและผู้จัดการไอทีสำหรับบริษัทด้านงานพิมพ์ใกล้เมืองดัลลัส กล่าว
แฮนสันบอกว่าอุปสรรคหลัก ๆ ที่ขัดขวางการนำโอเพ่นซอร์สมาใช้คือ ไม่มีซอฟท์แวร์ระดับเอนเทอร์ไพรส์มากเพียงพอ -ภาคธุรกิจต้องการซอฟท์แวร์ที่มากกว่าโปรแกรมแบบธรรมดาที่มีอยู่อย่าง เวบเซิฟเวอร์, ดาต้าเบส, ระบบปฏิบัติการ ฯลฯ – มันยากที่จะหาซอฟท์แวร์โอเพ่นซอร์สที่เหมาะสมมาใช้งาน
“พวกเราต้องกา รโปรแกรมที่สามารถเลียนแบบทุก ๆ โปรแกรมที่เป็นที่นิยมของวินโดว์ และต้องการฮาร์ดแวร์ที่สนับสนุนการใช้งานในระบบหลัก ๆ รวมถึงอุปกรณ์ต่อพ่วง” มาซายนิคกล่าวเพิ่ม
การขาดแคลนทางเลือกนี้ รับรู้กันทั้งตลาดในแนวดิ่ง ตั้งแต่นายหน้า, กลุ่มบริษัทประกันภัย, ไปจนถึงบริษัทด้านสุขภาพบางแห่ง ทั้งหมดนี้ พวกเขาบอกว่าเขาผูกติดกับวินโดว์และระบบลิขสิทธิ์แบบ proprietary จนกว่าจะมีโปรแกรมแบบโอเพ่นซอร์สที่เชื่อถือได้และใช้งานร่วมกับระบบอื่นได้ ออกมา
ความกลัวและ FUD (Fear, Uncertainty, and Doubt)
ขณะที่เกิดสามัญสำนึกเรื่อง ทำไมจึงไม่ควรใช้โอเพ่นซอร์สกับงานสำคัญ ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีส่วนใหญ่เชื่อว่าความกลัวนี้เป็นเหตุผลหลักที่ผู้บริหา รด้านไอทีตามบริษัทต่าง ๆ ไม่ใช้โอเพ่นซอร์ส ทุกวันนี้ ไม่มีใครโดนไล่ออกเพราะเลือกใช้ไมโครซอฟท์
ถ้าไอบีเอ็ม, ฮิวเลตแพคการ์ด, และออราเคิล เริ่มต้นย้ายโปรแกรมที่ใช้งานอยู่ไปใช้โอเพ่นซอร์ส เมื่อนั้นพวกผู้บริหารไอทีก็จะเริ่มสังเกตุเห็น ตราบใดที่ยังไม่เป็นแบบนั้น พวกนั้นก็ยังยึดความปลอดภัยเอาไว้ก่อน
“ผู้บริหารส่วนใหญ่ โดยธรรมชาติแล้วจะอนุรักษ์นิยม และจะเดินในเส้นทางที่มีการต่อต้านน้อยที่สุด” ซิด บอยซ์ ผู้เชี่ยวชาญงานสนับสนุนด้านเทคนิคเซิฟเวอร์ SPARC ในอังกฤษบอก “พวกเขาจะยังคงจ่ายให้อะไรก็ตาม ที่ทำให้เขารู้สึกว่าปลอดภัย, ทำงานได้…และไม่ต้องใข้สมองมาก”
แต่อย่ากล่าวโทษไปที่ผู้บริหารไอทีทั้งหมด เพราะทุก ๆ คน – ตั้งแต่ลูกค้าไปจนถึงซีอีโอ – ต่างต่อต้านการเปลี่ยนแปลง โฮเซ่ วาพินโต้ ผู้ตรวจสอบสถาบันวิศวกรรมระดับชาติในลิสบอน โปรตุเกส บอก
การมีปัญหากับซอฟท์แวร์แบบ proprietary จะบังคับให้พวกนั้นยอมรับโอเพ่นซอร์สได้ทีละน้อย
ผู้บริหารด้านไอทีที่ไม่ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงจะก้าวกระโดดในการแข่งขัน วาพินโต้กล่าว ผู้บริหารที่ฉลาดจะเข้าใจว่าโปรแกรมโอเพ่นซอร์สที่ใช้ในธุรกิจจำนวนมาก ช่วยเพิ่มผลผลิตได้ดี และจะกลายเป็นมาตรฐานในวันหนึ่ง
เรียบเรียง จาก Why CIOs balk at open source apps